Oil, Gas, and Energy
Simplify and standardise processes to enable innovation in oil, gas, and energy with intelligent cloud services from SAP.
Preparing for the future of the oil, gas, and energy industry
Many companies in the OG&E industry are making bold choices in the race toward a renewable energy future – and digital technologies are paving the way.

Sustainable energy transition
Oil, gas, and energy companies that build a winning decarbonization strategy – and pivot to sustainable energy – gain a real edge.
New oil, gas, and energy M&A opportunities
The shutdown and sale of refineries opens doors for partners and buyers who can reconfigure these refineries to support renewables.
Digital transformation in oil, gas, and energy
When digital technologies are embedded throughout the energy value chain, new business models – and opportunities – can emerge.
More renewables in the energy mix
The energy mix is changing – with demand for natural gas, hydrogen, and other renewables increasing as coal-fired plants shut down.
Disciplined capital planning
Given labour shortages and rising equipment and transportation costs, effective capital planning is even more critical today.
Innovative solutions for the oil, gas, and energy industry from SAP and our partners
Solutions that address the specific needs of the oil, gas, and energy industry help you achieve cost-effective transformation and sustainable growth.
SAP S/4HANA Cloud for oil and gas upstream hydrocarbon accounting and management
Boost upstream productivity – and maximise asset usage – by unifying oil, gas, and energy production processes across engineering, asset maintenance, and planning.
SAP S/4HANA Oil & Gas for hydrocarbon management
Manage your downstream business with timely and accurate inventory information to support better visibility into inventory and informed decision-making.
SAP Intelligent Asset Management
Maximise asset health and performance of your oil, gas, and energy operations with our intelligent asset management software.


ERP สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่เทียบกับ ERP สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
ในอดีต “ERP สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่” หมายถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่มักจะติดตั้งโซลูชั่น ERP แบบ On-premise และมีทรัพยากรมากมายที่ฝ่ายไอทีจำเป็นต้องรับผิดชอบ ทั้งด้านการวิเคราะห์ ปรับแต่ง อัปเกรด รวมถึงการปรับใช้โซลูชั่นซอฟต์แวร์ภายในองค์กร
คำว่า “Small Business ERP” หรือ “SME (องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง) ERP” โดยทั่วไปเรียกว่าระบบซอฟต์แวร์ ERP ที่มีแอปพลิเคชั่นการจัดการธุรกิจ โดยทั่วไปสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
ปัจจุบันคำเหล่านี้ถูกใช้น้อยลง เนื่องจากปัจจัยสำคัญไม่ใช่ขนาดของบริษัท แต่เป็นตัวกำหนดว่าระบบ ERP สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจในปัจจุบัน และอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ โดยไม่ว่าองค์กรจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม ล้วนจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรจะต้องพิจารณาและเลือกระบบ ERP ที่กำจัด มีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ควรจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่รวดเร็ว และพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีในอนาคต รวมถึงตอบสนองความต้องการอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของระบบ ERP: Cloud vs On-Premise vs Hybrid
ระบบ ERP มี 3 ประเภทหลักที่ทำงานร่วม ซึ่งมีฟังก์ชั่นการทำงานที่แตกต่างกัน โดยประเภทของระบบ ERP ที่พบมากที่สุด ได้แก่ Cloud ERP, on-premise ERP และ Hybrid ERP
* ซอฟต์แวร์ ERP แบบ On-Premise เป็นระบบที่ติดตั้ง และบำรุงรักษาในพื้นที่สำนักงานภายในองค์กร ซึ่งเมื่อติดตั้งแล้ว ถือว่าองค์กรเป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ และเซิร์ฟเวอร์เอง เพื่อการควบคุม สนับสนุน และเป็นเจ้าของระบบทั้งหมด
* ซอฟต์แวร์ ERP บนคลาวด์ (Cloud) เป็นโซลูชั่นบนเว็บที่เรียกว่า Software as a Service (SaaS) ซึ่งองค์กรเข้าถึง และจัดเก็บข้อมูลบนอุปกรณ์ใดๆ ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยปกติจะผ่านการสมัครสมาชิก การสนับสนุน การอัปเดต การฝึกอบรม และการปรับแต่งแบบยืดหยุ่นที่สนับสนุนโดยผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ (Software provider)
* ซอฟต์แวร์ Hybrid ERP หมายถึง การนำโซลูชั่นระบบ ERP บนคลาวด์ และ On-premise มาใช้ร่วมกัน ซึ่งการรวมกันของการติดตั้งบริการและการปรับใช้จะแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ ดังนั้นโมเดลเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้ ERP มีความยืดหยุ่นในการโยกย้ายระหว่างโมเดลการจัดส่งหรือผสานรวมประโยชน์ที่แตกต่างจากองค์กรอื่นๆ
ผู้จำหน่าย ERP ที่แตกต่างกันสนับสนุนตัวเลือกรูปแบบการปรับใช้ที่แตกต่างกัน การรวมกันของตัวเลือกซึ่งมักเรียกกันว่าการปรับใช้แบบ “ไฮบริด” อาจนำเสนอการผสมผสานระหว่างบริการโฮสติ้ง และการปรับใช้ โมเดลเหล่านี้สามารถให้ความยืดหยุ่นแก่ผู้ใช้ ERP ในการโยกย้ายระหว่างโมเดลการจัดส่ง หรือรวมผลประโยชน์ที่ไม่มีให้ใช้
ERP สามารถใช้กับอุตสาหกรรมใดได้บ้าง?
ซอฟต์แวร์ ERP สามารถใช้ได้ในในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพที่สามารถจัดการข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอก ช่วยเหลือกิจกรรมประจำวันในการจัดการโครงการ ติดตามการปฏิบัติตาม แนวทางปฏิบัติ และจัดการกับความซับซ้อนในแต่ละวันที่มาพร้อมกับการวิเคราะห์และคาดการณ์สำหรับการดำเนินงานธุรกิจ
เนื่องจาก ERP มีรากฐานมาจากการผลิต จึงมีระบบ ERP ที่ใช้เฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและธุรกิจการผลิตที่แข็งแกร่ง ระบบซอฟต์แวร์ ERP มีความหลากหลายมากและเป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วย:
*การผลิต (Manufacturing
*เรื่องจักรอุตสาหกรรมและวัสดุประกอบ (Industrial Machinery and Components)
*การก่อสร้างและการปรับปรุงบ้าน (Construction and Home Improvement)
*อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี (Electronics and Technology)
*ยานยนต์ (Automotive)
*การบินและอวกาศและการป้องกัน (Aerospace and Defense)
*การดูแลสุขภาพ เภสัชกรรม และวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Healthcare, Pharmaceutical and Life Sciences)
*ธุรกิจการเกษตรเกษตรกรรมและการเกษตร (Agribusiness, Farming and Agriculture)
*อาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage)
*การดูแลสุขภาพและการบริการ (Healthcare and Hospitality)
*เสื้อผ้า สินค้าอุปโภคบริโภค และค้าปลีก (Clothing, Consumer Goods and Retail)
เมื่อเวลาผ่านไประบบ ERP ได้เติบโตขึ้นเพื่อเชื่อมต่อและสนับสนุนแอปพลิเคชั่นอื่นๆ รวมถึง “ERP Modules” ที่รองรับฟังก์ชั่นทางธุรกิจ ที่ประกอบไปด้วย
*บัญชีการเงิน (Financial Accounting)
*การบริหารบัญชี (Management Accounting)
*ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources)
*การผลิต (Manufacturing)
*การประมวลผลคำสั่งซื้อ (Order Processing)
*การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management)
*การบริหารโครงการ (Project Management)
*การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) Customer Relationship Management (CRM)
*บริการข้อมูล (Data Services)
International SAP Conference for Energy
Join us to discuss the future of energy on April 18–20, 2023